AI คืออะไร? เมื่ออาชีพ Programmer ต้องเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในยุคปัญญาประดิษฐ์

AI

AI หรือ Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์) คือ เทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรและคอมพิวเตอร์สามารถคิดวิเคราะห์และเรียนรู้ได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ ซึ่งปัจจุบัน AI ถูกนำมาใช้จริงแล้วในหลายมิติ โดยเฉพาะการเขียนโปรแกรม (Coding) ที่ AI สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีรายงานว่ายอดรับสมัครตำแหน่ง Programmer ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้น (Entry-Level) 

สถานการณ์เหล่านี้ทำให้ Programmer หลายคนเกิดความกังวลและตั้งคำถามถึงอนาคตของอาชีพนี้ว่าจะเป็นอย่างไร Programmer จะถูกแทนที่ด้วย AI จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านไปสู่บทบาทใหม่ที่ทรงพลังมากกว่าเดิม แล้วหากต้องการเป็น Programmer ที่ถูกเลือกควรปรับตัวอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ รับรองว่าอ่านจบจะช่วยไขข้อสงสัยทั้งหมดของคุณได้อย่างแน่นอน

AI คืออะไร มีกี่ประเภท?

AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คือ เทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ประมวลผล เรียนรู้ ไปจนถึงมีทักษะต่าง ๆ ใกล้เคียงกับมนุษย์ ซึ่งในปัจจุบันประเภทของ AI สามารถจำแนกได้ตามหลากหลายเกณฑ์ หนึ่งในนั้นคือการแบ่งตามลักษณะการทำงาน ดังนี้

AI สร้างข้อความ

AI สร้างข้อความ คือ ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถรับคำสั่ง (Prompt) แล้วนำมาประมวลผล ก่อนจะสร้างข้อความโต้ตอบบทสนทนากับผู้ใช้งานในลักษณะของ AI Chatbot อีกทั้งยังสามารถทำตามคำสั่งต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การเขียนโค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการสรุปบทความ ตัวอย่างโมเดล AI ประเภทนี้ เช่น Chat GPT, Claud, GitHub Copilot และ Gemini 

AI สร้างภาพและวิดีโอ

AI สร้างภาพและวิดีโอ คือ เทคโนโลยีที่เกิดจาก AI Deep Learning ซึ่งคือการเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล เพื่อนำมาตอบสนอง Prompt เป็นภาพหรือวิดีโอที่ผู้ใช้งานต้องการ โดยปัจจุบันสามารถปรับแต่งสไตล์ของภาพได้อย่างหลากหลาย ตัวอย่างโมเดล AI ประเภทนี้ เช่น Google Veo 3, MidJourney, DALL·E, Stable Diffusion และ Canva AI

AI สร้างเสียงและเพลง

AI สร้างเสียงและเพลง คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเปลี่ยนคำสั่ง (Prompt) ของผู้ใช้งานให้กลายเป็นเสียงและบทเพลงต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น เสียงพากย์ เสียงดนตรี เสียง Effect หรือแม้กระทั่งโคลนนิ่งเลียนแบบเสียงของมนุษย์ เหมาะสำหรับใช้ในการสร้างคอนเทนต์ สื่อโฆษณา และงานดนตรี ตัวอย่างโมเดล AI ประเภทนี้ เช่น Suno AI, ElevenLabs และ AIVA

AI ด้านการมองเห็น 

AI ด้านการมองเห็น คือ เทคโนโลยีที่เพิ่มความสามารถให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาพและวิดีโอได้เหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการจดจำใบหน้า ตรวจหาวัตถุในภาพ หรือวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ ซึ่งระบบเอไอเหล่านี้จะทำงานโดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมด้านการมองเห็น (Computer Vision) เพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกจากภาพถ่ายหรือวิดีโอ ตัวอย่างโมเดล AI ประเภทนี้ เช่น Apple Face ID, Google Lens และ Tesla Autopilot

AI ด้านการวิเคราะห์และคาดการณ์

AI ด้านการวิเคราะห์และคาดการณ์ คือ ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อหาความเชื่อมโยงและทำนายแนวโน้มในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์ยอดขาย วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า หรือการตรวจจับการทุจริต ซึ่งช่วยเสริมจุดแข็งให้องค์กรและธุรกิจตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

ตัวอย่างโมเดล AI ประเภทนี้ เช่น Salesforce Einstein, Amazon Forecast และ FICO Falcon

หลักการทำงานของ AI เป็นอย่างไร?

AI Algorithm คือ

หลักการทำงานของ Artificial Intelligence (AI) คือ การทำงานโดยอิงจากหลักการจำลองกระบวนการคิดและการเรียนรู้ของมนุษย์ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การรับข้อมูล (Input) การประมวลผลและเรียนรู้ (Processing & Learning) และการสร้างผลลัพธ์ (Output) 

โดยในขั้นแรก AI จะรับข้อมูลจำนวนมหาศาลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ข้อความ ภาพ เสียง หรือตัวเลข จากนั้นจะใช้ AI Algotithm ซึ่งคือกระบวนการคิดของคอมพิวเตอร์และเทคนิค AI Machine Learning คือกระบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเองจากข้อมูลจำนวนมาก เพื่อวิเคราะห์รูปแบบ ความสัมพันธ์ และแนวโน้มในข้อมูลเหล่านั้น และปรับปรุงความแม่นยำของตนเองอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายจะสร้างผลลัพธ์ที่เหมาะสมตามที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น การตอบคำถาม การสร้างภาพ หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์

แนวโน้มการใช้ AI ในสายงาน Programmer

Artificial Intelligence (AI) ในสายงาน Programmer กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างก้าวกระโดด ซึ่งปัจจุบัน AI คือ ตัวช่วยที่โปรแกรมเมอร์เลือกใช้ในการทำงานรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การสร้างโค้ดอัตโนมัติ การตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาด การเขียนเอกสารประกอบโค้ด และการทดสอบระบบ โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้โปรแกรมเมอร์รวมถึง Software Developer สามารถโฟกัสงานสำคัญหรือการแก้ไขปัญหาที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมของงานหรือโปรเจกต์ได้มากกว่า

ตัวอย่างเช่น การใช้ GitHub Copilot, Tabnine หรือ CodeWhisperer มาช่วยเสนอแนะโค้ดอัตโนมัติ ทำให้การเขียนโค้ดเร็วขึ้น การใช้ ChatGPT และ Claude ในการถามคำถามเทคนิคหรือขอแนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงการใช้เครื่องมือ Code Review อัตโนมัติ ที่ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ด หาจุดบกพร่อง และแนะนำการปรับปรุงได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง Unit Test อัตโนมัติ และเขียน Documentation หรือ Comment อธิบายโค้ด ทำให้โค้ดเข้าใจง่ายและบำรุงรักษาได้ดีขึ้นอีกด้วย

แล้ว AI จะแทนที่ Programmer ได้จริงหรือ?

ถึงแม้ว่า Artificial Intelligence (AI) หมายถึง เทคโนโลยีที่สามารถเลียนแบบการคิดและการตัดสินใจของมนุษย์ได้ แต่ในโลกของการเขียนโปรแกรม AI กลับไม่ได้เป็นคู่แข่งที่จะมาแย่งงานของ Programmer เหมือนที่หลายคนเข้าใจ แต่ในทางตรงกันข้าม  AI กลับเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยยกระดับความสามารถของนักพัฒนาให้สูงขึ้น โดยการเข้ามาช่วยเหลือในงานที่เป็นรูปแบบและซ้ำ ๆ ทำให้ Programmer สามารถใช้เวลาไปกับงานที่สร้างสรรค์และท้าทายมากขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวัน

การใช้ AI ในชีวิตประจำวันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเราทุกคนไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็น AI ที่อยู่ในแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ไปจนถึงในรถยนต์ ที่ทำงาน และร้านค้าต่าง ๆ ที่กำลังปรับตัวด้วยการนำ AI เข้ามาช่วยงานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของ AI ดังต่อไปนี้

AI Chatbot

AI Chatbot เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสนทนาและตอบคำถามผู้ใช้ผ่านข้อความหรือเสียงพูด โดยสามารถเข้าใจบริบทและให้คำตอบได้แบบเรียลไทม์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ChatGPT ที่ช่วยเขียนอีเมล แก้ไขงานเขียน หรือวางแผนงาน Siri และ Google Assistant ที่ตอบคำถามและจัดการงานบนมือถือ รวมถึง AI Chatbot บนเว็บไซต์ธนาคารที่ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับบัญชีและการทำธุรกรรมต่าง ๆ ตลอด 24 ชม.

Generative AI

Generative AI คือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง หรือวิดีโอ โดยเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมากและสร้างผลงานที่มีลักษณะคล้ายคลึงแต่ไม่ซ้ำกับต้นฉบับตัวอย่างเช่น DALL-E และ Midjourney ที่สร้างภาพศิลปะจาก Prompt ของผู้ใช้งาน

AI Automation

AI Automation คือ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำงานร่วมกับเครื่องมือทำงานอัตโนมัติ เพื่อสร้าง Workflow การทำงาน โดยไม่ต้องใช้มนุษย์คอยควบคุมตลอดเวลา เช่น ระบบตอบอีเมลอัตโนมัติ ระบบตั้งเวลาโพสต์ลง Social Media  หรือ ระบบคัดกรอง Resume ด้วย AI ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ใช้ทำ AI Automation เช่น n8n, Zapier และ Make

AI Agent

AI Agent หรือ Agentic AI คือ ระบบ AI ที่สามารถตัดสินใจและทำงานอย่างอิสระ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ตลอดเวลา มีความสามารถในการวางแผน เรียนรู้ และปรับตัวตามสถานการณ์ได้ ซึ่งแตกต่างจาก AI Automation แบบเดิมที่ทำงานตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้เท่านั้น

Vision AI

Vision AI คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถมองเห็นและเข้าใจภาพหรือวิดีโอได้เหมือนมนุษย์ รวมถึงสามารถจดจำใบหน้า วัตถุ ข้อความ และวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ ในภาพได้ตัวอย่างที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ Face ID ในมือถือที่ปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า Google Photos ที่จัดหมวดหมู่รูปภาพตามคนและสถานที่โดยอัตโนมัติ และการสแกน QR Code เพื่อชำระเงินหรือเข้าถึงข้อมูล

AI เขียนโค้ดได้จริง แต่แทนที่ Programmer ได้ทั้งหมดไหม?

AI Artificial Intelligence คือ

ถึงแม้ว่าระบบ AI จะสามารถเขียนโค้ดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถแทนที่ Programmer ได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากโค้ดที่ AI สร้างขึ้นยังคงต้องการ Programmer ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบความถูกต้อง และประเมินความเข้ากันได้กับระบบเดิม ซึ่งต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ที่เหนือกว่าความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนี้ AI ยังอาจไม่เข้าใจบริบทเฉพาะของธุรกิจหรือข้อจำกัดทางเทคนิคที่ซับซ้อน ทำให้โซลูชันที่เสนออาจไม่ตรงกับความต้องการจริงของผู้ใช้งาน

ดังนั้นการทดสอบ ปรับปรุง และการรักษาคุณภาพของโค้ดยังคงต้องอาศัยดุลยพินิจของ Programmer ที่เข้าใจทั้งด้านเทคนิคและธุรกิจ รวมถึงการประเมินว่าโค้ดที่ AI สร้างมีความเหมาะสมและยั่งยืนหรือไม่ สรุปแล้ว AI จึงเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าที่จะมาแทนตำแหน่งงานของ Programmer ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ควบคุมคุณภาพและตัดสินใจขั้นสุดท้ายต่อไป

ทักษะที่ Programmer ยุคใหม่ต้องมี ถ้าไม่อยากถูก AI แทนที่

ทักษะที่ Programmer ยุคใหม่ต้องมีเพื่อไม่ถูก AI (ปัญญาประดิษฐ์) แทนที่ คือ การเรียนรู้ Prompt/AI Engineering คือ การสั่งงานและสื่อสารกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อใช้เป็นตัวช่วยในงานต่าง ๆ  แล้วโฟกัสไปที่งานที่ซับซ้อนมากกว่า รวมถึงความสามารถในการออกแบบสถาปัตยกรรมระบบและ Design Thinking ซึ่งเป็นงานระดับสูงที่ต้องการการคิดเชิงระบบ การวางแผนโครงสร้าง และการตัดสินใจเชิงสถาปัตยกรรมที่ AI ยังไม่สามารถทำได้ดีเทียบเท่ามนุษย์

รวมถึงทักษะด้าน Business Understanding และ Domain Knowledge ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้น เพราะการเขียนโปรแกรมที่แท้จริงไม่ใช่แค่การแปล Requirement เป็นโค้ด แต่เป็นการเข้าใจปัญหาทางธุรกิจอย่างลึกซึ้งและสร้างโซลูชันที่เหมาะสม ดังนั้น Programmer ที่เข้าใจว่าธุรกิจทำงานอย่างไร มีข้อจำกัดอะไรบ้าง และต้องการผลลัพธ์แบบไหน จะสามารถตัดสินใจได้ดีกว่าและสร้างระบบที่ตอบโจทย์ได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังควรมีทักษะ Code Review และ Quality Assurance หรือ QA คือ การตรวจสอบความถูกต้อง ประเมินความปลอดภัย และหาจุดอ่อนของโค้ดก่อนส่งงานต่อไปยัง Step ถัดไป

สุดท้ายคือทักษะ Communication และ Leadership ที่ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าก็ยิ่งมีความสำคัญ เนื่องจาก Programmer ต้องมีการสื่อสารกับทีมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอแนวคิดให้คนที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์เข้าใจ หรือ การอธิบายโครงการที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้

อนาคตของอาชีพ Programmer ท่ามกลางคลื่น AI

อนาคตของอาชีพ Programmer ท่ามกลางกระแสของ AI นั้นไม่ได้เป็นเรื่องของการถูกแทนที่ แต่เป็นเรื่องของการปรับตัวและเปิดใจยอมรับเทคโนโลยีใหม่ ความจริงคือ AI ไม่ได้เข้ามา Disrupt อาชีพโปรแกรมเมอร์โดยตรง แต่กลับมา Disrupt คนที่ไม่ยอมเรียนรู้และใช้ AI เป็นเครื่องมือ กล่าวคือคนที่จะถูกแทนที่จริง ๆ คือคนที่ไม่ยอมปรับตัวกับคลื่นลูกใหม่ที่กำลังพัดเข้ามา เช่นเดียวกับคำพูดของ Jensen Huang CEO ของ NVIDIA ที่กล่าวไว้ว่า “You’re not going to lose your job to an AI, but you’re going to lose your job to someone who uses AI”

ดังนั้น ในอนาคต Programmer ที่รอดและเติบโตได้จึงหมายถึงคนที่เข้าใจทั้งเทคโนโลยี AI และธุรกิจ สามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์โซลูชันที่ซับซ้อนและมีคุณค่า มากกว่าการเป็นเพียงผู้เขียนโค้ด การเปลี่ยนแปลงนี้จึงไม่ใช่การถูกแทนที่ แต่เป็นการยกระดับอาชีพให้มีคุณค่าและความท้าทายมากขึ้น สำหรับคนที่ยอมเรียนรู้และปรับตัวนั่นเอง

AI ปัญญาประดิษฐ์เปลี่ยนโลก ผู้ช่วยใหม่ที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ

Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คือ เทคโนโลยีที่จำลองการคิดและการตัดสินใจของมนุษย์ โดยสามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูล และแก้ปัญหาได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้เครื่องจักรสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องพึ่งการสั่งงานจากมนุษย์ตลอดเวลา ซึ่ง AI เป็นอะไรที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว จากการวิเคราะห์ข้อมูล การตอบสนองลูกค้าอัตโนมัติ ไปจนถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ไม่สามารถมองข้ามเทคโนโลยีนี้ได้อีกต่อไป 

The Prodigy พร้อมให้บริการ IT Outsource ในการเข้ามาตอบโจทย์ธุรกิจด้วย “AI-Augmented Programmer” ที่มีความครบเครื่องทั้งทักษะการเขียนโปรแกรมและการใช้ AI แบบผู้เชี่ยวชาญ โดย Programmer เหล่านี้ไม่เพียงโดดเด่นด้วยความชำนาญด้าน Coding เท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและแต้มต่อในสนามแข่งขันทางธุรกิจของคุณได้อย่างมหาศาล สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางติดต่อ

สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

Email : contact@theprodigy.biz
Tel. : 02-821-5869 
Line Add : @theprodigy
Facebook Page : The Prodigy

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *