QA และ Software Tester ต่างกันยังไง? ทำไมถึงจำเป็นต่อซอฟต์แวร์คุณภาพ

QA คือ

ในยุคดิจิทัลที่ซอฟต์แวร์กลายเป็นหัวใจสำคัญของทุกธุรกิจ การสร้างซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง บทบาทของ QA (Quality Assurance) และ Software Tester จึงสำคัญมาก เพราะเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์คุณภาพ คอยตรวจสอบและป้องกันข้อผิดพลาดก่อนส่งมอบสู่มือผู้ใช้

สำหรับใครที่สนใจสายงาน IT บทความนี้ The Prodigy จะพาคุณไปรู้จักว่า QA คืออะไร, QA และ Software Tester เหมือนหรือต่างกันอย่างไร, แนวโน้มตลาดงานในไทยเป็นอย่างไร และควรพัฒนาทักษะใดเพื่อก้าวสู่สายอาชีพนี้ได้อย่างมั่นใจและโดดเด่นกว่าใคร

QA (Quality Assurance) คืออะไร?

QA ย่อมาจาก Quality Assurance หรือ QA Tester คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลคุณภาพของซอฟต์แวร์อย่างครอบคลุม ตั้งแต่กระบวนการวางแผนจนถึงการทดสอบจริง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งมอบจะได้มาตรฐาน ไม่มีข้อผิดพลาด และพร้อมใช้งานได้อย่างราบรื่น

บทบาทของ QA ไม่ได้แค่หาข้อผิดพลาด แต่เป็นการ วางระบบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตั้งแต่แรก ทำให้ซอฟต์แวร์เชื่อถือได้ ตอบโจทย์ธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้

หน้าที่หลักของ QA 

  • การวางแผนกลยุทธ์การทดสอบ (Test Strategy Planning) กำหนดแนวทางและขอบเขตการทดสอบให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งฟังก์ชัน ความปลอดภัย ความเสถียร และประสิทธิภาพ
  • การออกแบบกระบวนการทดสอบ (Test Process Design) วางขั้นตอนและวิธีการทดสอบที่เหมาะสม เลือกเทคนิค เครื่องมือ และกรอบเวลาให้ตอบโจทย์โครงการ
  • การติดตามและควบคุมคุณภาพ (Quality Monitoring & Control) ตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน ติดตามผลการทดสอบ แก้ไขทันทีหากพบปัญหา ลดความเสี่ยงก่อนส่งมอบจริง
  • การปรับปรุงกระบวนการทำงาน (Continuous Improvement) อัปเดตมาตรฐานการทำงาน เรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ พัฒนาวิธีการทดสอบให้ทันสมัย และเพิ่มประสิทธิภาพทีม
  • การประสานงานระหว่างทีม Developer และ Testing (Cross-Team Collaboration) ทำงานร่วมกับ Developer, Product Owner, และทีมอื่น ๆ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง ปรับปรุงระบบ และผลักดันคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น

สนใจรู้จัก Software Developer คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Software Developer

Software Tester คืออะไร?

Software Tester คือ ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ทดสอบซอฟต์แวร์ในทุกด้าน เพื่อหาข้อผิดพลาด (Bug) และตรวจสอบว่าโปรแกรมทำงานถูกต้อง ตรงตามความต้องการที่วางไว้

หน้าที่นี้ช่วยลดความเสี่ยงของการใช้งานจริง และสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ ว่าซอฟต์แวร์ปลอดภัย เสถียร และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

หน้าที่หลักของ Software Tester

  • การทดสอบฟังก์ชันการทำงาน (Functional Testing) การทดสอบฟังก์ชันการทำงาน (Functional Testing) ตรวจสอบว่าระบบทำงานถูกต้องตาม Requirement และตอบโจทย์ผู้ใช้
  • การทดสอบประสิทธิภาพ (Performance Testing) ประเมินความเร็ว ความเสถียร และการทำงานภายใต้โหลดต่าง ๆ
  • การทดสอบความปลอดภัย (Security Testing) หาช่องโหว่และป้องกันการโจมตี เพื่อให้ซอฟต์แวร์ปลอดภัยสูงสุด
  • การจัดทำรายงานข้อผิดพลาด (Bug Report) และติดตามการแก้ไข บันทึกปัญหาและติดตามผลการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
  • การทดสอบการใช้งาน (Usability Testing) ประเมินประสบการณ์ผู้ใช้จริง เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานง่ายและตอบสนองได้ดี

ความแตกต่างระหว่าง QA และ Software Tester

  QA Software Tester
Testing Methods Manual Test / Automate Test Manual Test / Automate Test
Main Focus ดูแลภาพรวมของกระบวนการพัฒนา มุ่งป้องกันไม่ให้เกิด Bug และควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นจนจบ เช็กการทำงานจริงของระบบ เน้นหา Bug และ validate ฟีเจอร์ต่าง ๆ ตาม Test Case
Key Responsibilities – วาง Test Strategy & Test Plan
– ออกแบบและปรับปรุงกระบวนการทดสอบให้เหมาะกับโปรเจกต์
– คุมมาตรฐานคุณภาพ และทำงานร่วมกับ Dev ตั้งแต่ Requirement จน Release
– สร้าง Test Case และ Execute Test
– ทำ Functional, Performance, Security, Usability Testing
– Report Bug และติดตามการแก้ไข
Objectives ส่งมอบซอฟต์แวร์ที่เสถียร มีคุณภาพสูง และตอบโจทย์ User Experience จับ Bug ให้ได้มากที่สุดก่อนส่งมอบ ลดปัญหา production issue
Work Characteristics เข้าร่วมตั้งแต่ช่วงต้นโปรเจกต์ ช่วย define spec และ flow การทำงาน ทำงานหลัง Dev เสร็จ ฟังก์ชันพร้อมทดสอบ

แม้ว่า QA Tester และ Software Tester มักถูกใช้สลับกันในบางบริษัท แต่โดยทั่วไปแล้ว QA (Quality Assurance) จะมีความรับผิดชอบที่กว้างกว่า โดยเน้นที่การประกันคุณภาพของกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ในขณะที่ Software Tester จะเน้นที่การทดสอบตัวซอฟต์แวร์โดยตรงเพื่อค้นหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว

ทักษะที่จำเป็นสำหรับ QA และ Software Tester

สำหรับใครที่อยากจะเป็น QA และ Software Tester ทักษะสำคัญที่ต้องพัฒนาเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมืออาชีพ มีดังนี้

ทักษะทางเทคนิค (Technical Skills)

  • เข้าใจการทดสอบซอฟต์แวร์ รู้จัก Functional, Performance, Security และ Usability Testing
  • ใช้เครื่องมือทดสอบเป็น เช่น Selenium (Automate), JMeter (Performance), TestRail (Test Management)
  • พื้นฐานการเขียนโค้ด รู้ภาษา Java, Python, หรือ JavaScript จะช่วยให้เขียน Automation Script และทำงานกับ Dev ได้ราบรื่น
  • SQL และ Database ดึงข้อมูล เช็กความถูกต้อง และวิเคราะห์ปัญหาได้เอง
  • ทดสอบ API ใช้ Postman หรือ Swagger ทดสอบและวิเคราะห์การเชื่อมต่อระบบ

ทักษะเชิงวิเคราะห์ (Analytical Skills)

  • คิดวิเคราะห์ เป็นระบบ แยกปัญหาเป็นขั้นตอน หา root cause ได้ไว
  • แก้ไขปัญหาเก่ง เจอ Bug แล้วแก้ไขหรือเสนอวิธีแก้ได้ชัดเจน
  • ละเอียด รอบคอบ ตรวจทุกมุม ลดความผิดพลาดก่อนปล่อยจริง
  • จัดการเวลาได้ดี จัดลำดับงาน จบงานทัน deadline

แนวโน้มอาชีพและเงินเดือนของ QA และ Software Test เป็นอย่างไร?

QA และ Software Tester

ความต้องการ QA และ Software Testing ยังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากการมาของ DevOps, Cloud, Mobile, IoT และ AI สำหรับใครที่สนใจ ลองพิจารณาข้อมูลของตลาดแรงงานและระดับเงินเดือนจากข้อมูลต่อไปนี้

ตลาดงานในประเทศไทย

  • Banking & FinTech ธุรกิจการเงินต้องการความปลอดภัยสูง ทั้งข้อมูลส่วนตัวและธุรกรรม ทีม QA จึงต้องออกแบบการทดสอบที่รัดกุม ครอบคลุมทุกความเสี่ยง
  • E-commerce ต้องการระบบที่ออนไลน์ตลอดเวลาและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่นและตอบสนองรวดเร็ว QA และ Software Tester มีหน้าที่ดูแลทั้ง Performance Testing, Scalability Testing และ UX Testing รวมถึงทำ Regression Testing ทุกครั้งที่มีการอัปเดต
  • Healthcare Technology เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการแพทย์และความปลอดภัยของผู้ป่วย จำเป็นต้องมีมาตรฐานการทดสอบที่เข้มงวดและละเอียดสูง
  • Government Digital Services ระบบภาครัฐต้องพร้อมใช้งานเสมอ รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก และปลอดภัย ทีม QA ต้องดูแล Stability Testing, Security Testing และ Concurrency Testing อย่างรอบด้าน

ระดับเงินเดือน

  • Junior Tester (0-2 ปี) – 25,000-35,000 บาท/เดือน
  • Mid-level Tester (2-5 ปี) – 35,000-50,000 บาท/เดือน
  • Senior Tester (5+ ปี) – 50,000-75,000 บาท/เดือน
  • QA Lead – 60,000-90,000 บาท/เดือน
  • QA Manager – 80,000-120,000 บาท/เดือน

การเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ QA และ Software Tester

ใครที่อยากเข้าสู่สายอาชีพ QA และ Software Tester ควรเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้พร้อม!

การศึกษาและหลักสูตร

การศึกษาระดับปริญญา

  • ปริญญาตรี ด้านคอมพิวเตอร์ ไอที หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
  • วิศวกรรมซอฟต์แวร์ สำหรับความเข้าใจเชิงลึก
  • เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อความรู้ด้านระบบ

หลักสูตรออนไลน์และ Certification

  • หลักสูตรออนไลน์ เช่น Coursera, Udemy, Thai MOOC
  • การเข้าร่วม Community เช่น Thailand Software Testing Group
  • การทำ Certification เช่น ISTQB, Agile Testing

ประสบการณ์

  • การฝึกงาน ในบริษัทที่เกี่ยวกับเทคฯ หรือซอฟต์แวร์
  • การทำโปรเจกต์ส่วนตัว เพื่อสร้าง Portfolio
  • การเข้าร่วม Hackathon และกิจกรรมด้านเทคโนโลยี
  • การเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ทักษะที่ควรมีเพิ่มเติม

  • ทักษะการสื่อสาร เพื่อรายงานข้อผิดพลาด
  • ความเข้าใจธุรกิจ เพื่อทดสอบให้ตรงความต้องการ
  • การทำงานเป็นทีม กับ Developer และ Business Analyst

หากคุณมีทักษะเหล่านี้ มาร่วมเป็นทีมเรา คลิกที่นี่เลย

*ข้อพิจารณาในการรับสมัครงานตำแหน่ง QA และ Software Tester อาจแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร ผู้สมัครควรศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งอย่างรอบคอบ

ก้าวข้ามทุกความท้าทาย สู่อนาคต QA และ Software Tester ยุคใหม่

ปัจจุบันเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ QA และ Software Test มีการทำงานที่ท้าทายและหลากหลายมากขึ้น

เทรนด์ที่กำลังมา

  1. AI และ Machine Learning การนำ AI และ Machine Learning มาใช้ในการทดสอบซอฟต์แวร์ช่วยให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของระบบ คาดการณ์จุดบกพร่อง และสร้างชุดทดสอบอัตโนมัติที่ชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น QA รุ่นใหม่ต้องเข้าใจการประยุกต์ใช้ AI เพื่อลดภาระงานที่ทำซ้ำ และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจหาข้อผิดพลาด
  2. DevOps และ Continuous Testing ในยุคที่ DevOps และ Agile เป็นมาตรฐานการพัฒนาซอฟต์แวร์ QA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบ CI/CD ผ่าน Continuous Testing เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบคุณภาพของโค้ดได้แบบเรียลไทม์ รองรับการส่งมอบที่รวดเร็ว และลดความเสี่ยงในการ Deploy
  3. Cloud Testing ระบบซอฟต์แวร์ยุคใหม่เริ่มถูกออกแบบให้รันบน Cloud ซึ่ง QA ต้องเข้าใจหลักการทำงานและพัฒนาทั้งในด้านความเสถียร ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ โดยต้องรู้จักเครื่องมือ Cloud-based Testing และสามารถจำลองสภาวะการใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. Mobile Testing แอปพลิเคชันมือถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน QA จึงต้องมีทักษะในการทดสอบข้ามแพลตฟอร์ม (iOS, Android) และสามารถวิเคราะห์ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ได้ดี รวมถึงทดสอบบนอุปกรณ์จริงและ Emulator เพื่อตอบสนองความหลากหลายของผู้ใช้
  5. IoT Testing เมื่อคนเริ่มใช้อุปกรณ์ประเภท IoT กันมากขึ้น QA ต้องเข้าใจการทำงานของระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกัน ทั้งเซนเซอร์ ซอฟต์แวร์ และ Cloud Infrastructure และดูแลปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมทั้งด้านความเสถียร ความปลอดภัย และการสื่อสารของอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมจริง

ความท้าทายที่พบบ่อย

  • ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • การจัดการเวลา ในการทดสอบโปรเจกต์หลายๆ โปรเจกต์
  • การสื่อสาร กับทีม Developer เมื่อพบข้อผิดพลาด
  • การรักษาคุณภาพ ภายใต้ข้อจำกัดของเวลาและงบที่บริษัทมีให้

แนวทางการพัฒนาศักยภาพสู่การเป็น QA และ Software Tester มืออาชีพ

  • การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และติดตามเทรนด์เทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์ใหม่ๆ
  • การพัฒนาทักษะการสื่อสาร และการทำงานเป็นทีม
  • การสร้างความสัมพันธ์ ที่ดีกับทีมงาน
  • การใช้เครื่องมือช่วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

QA และ Software Tester ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของซอฟต์แวร์คุณภาพ

QA และ Software Tester คือหนึ่งในอาชีพที่มีความสำคัญสูงในยุคดิจิทัล มีโอกาสเติบโตที่ดีและมีฐานเงินเดือนค่อนข้างสูง ใครที่ต้องการก้าวเข้าสู่อาชีพนี้ต้องเตรียมตัวให้ดี ทั้งในด้านความรู้เทคนิค ทักษะการคิดวิเคราะห์ และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการฝึกใช้เครื่องมือต่างๆ และสร้างประสบการณ์ผ่านโปรเจกต์จริงก็สำคัญเช่นกัน

The Prodigy เราคือผู้นำด้านบริการ IT Outsource ที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำ ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี มีบริการครบวงจรตั้งแต่การจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ไปจนถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน ปัจจุบัน The Prodigy ได้ส่งมอบผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีกว่า 1,200 ราย และดำเนินโครงการสำเร็จมาแล้วกว่า 100 โปรเจกต์ ซึ่งยืนยันถึงความเป็นมืออาชีพที่พร้อมช่วยยกระดับให้องค์กรของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน

สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

Email : contact@theprodigy.biz
Tel. : 02-821-5869 
Line Add : @theprodigy
Facebook Page : The Prodigy

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *